วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาออกกำลังกายกันเถอะ


มาออกกำลังกายกันเถอะ

               
การออกกำลังกาย  ไม่ได้หมายถึงการต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง  หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาแต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป เป็นที่น่าดีใจว่าการออกกำลังให้สุขภาพดีไม่ต้องใช้เวลามากมาย เพียงแค่วันละครึ่งชั่วโมงก็พอ เช่น การวิดพื้น ซิดอับ กระโดดเชือก เป็นต้น โดยไม่ต้อใช้พื้นที่มากในการออกกำลังกาย   และมีเพียงพื้นที่ในการวิ่งเล็กน้อยก็พอ การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคอ้วน การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานและต่อสู้กับชีวิต นอกจากนั้นยังสามารถลดความเครียดได้ด้วย  แต่การออกจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย  และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะไม่ให้ร่างกาย อ่อนเพรียเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ การเริ่มต้นในการออกกำลังกายง่าย เช่น การเดินไปซื้อของตามร้านค้าแทนรถจักยานยนต์ การปั่นจักยานไปพาเพื่อนบ้านภายในหมู่บ้าน ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน ว่ายน้ำ เต้นแอร์โรบิค แต่ไม่ต้องนาน เป็นต้น เทคนิคของการออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เลือกการออกกำลังกายที่ชอบที่สุด และสะดวกที่สุด  ครอบครัวอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็จะดี ช่วงแรกๆของการออกกำลังกายไม่ควรจะหยุด ให้ออกจนเป็นนิสัย บันทึกการออกกกำลังกายไว้ หาเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกันเพราะกลุ่มจะช่วยกันประคับประคอง ตั้งเป้าหมายการออกกำลังและการรับประทานทุกเดือนโดยอย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป ติดตามความก้าวหน้าโดยดูจากสมุดบันทึก ออกกำลังกายอย่างปลอดภัย ถ้าหากท่านได้เตรียมความพร้อมที่จะออกกำลังกายแล้วอยากจะฟิตร่างกายท่าน สามารถทำได้ทันที แต่หากมีอาการหรือโรคต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฟิตร่างกาย เช่น ถ้าท่านอายุมากกว่า 45ปี หรือมีโรคประจำตัวเช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ  มีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยมากมีอาการหน้ามืด

มาออกกำลังกายกันเถอะ


มาออกกำลังกายกันเถอะ

               
การออกกำลังกาย  ไม่ได้หมายถึงการต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง  หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาแต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป เป็นที่น่าดีใจว่าการออกกำลังให้สุขภาพดีไม่ต้องใช้เวลามากมาย เพียงแค่วันละครึ่งชั่วโมงก็พอ เช่น การวิดพื้น ซิดอับ กระโดดเชือก เป็นต้น โดยไม่ต้อใช้พื้นที่มากในการออกกำลังกาย   และมีเพียงพื้นที่ในการวิ่งเล็กน้อยก็พอ การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคอ้วน การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานและต่อสู้กับชีวิต นอกจากนั้นยังสามารถลดความเครียดได้ด้วย  แต่การออกจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย  และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะไม่ให้ร่างกาย อ่อนเพรียเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ การเริ่มต้นในการออกกำลังกายง่าย เช่น การเดินไปซื้อของตามร้านค้าแทนรถจักยานยนต์ การปั่นจักยานไปพาเพื่อนบ้านภายในหมู่บ้าน ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน ว่ายน้ำ เต้นแอร์โรบิค แต่ไม่ต้องนาน เป็นต้น เทคนิคของการออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เลือกการออกกำลังกายที่ชอบที่สุด และสะดวกที่สุด  ครอบครัวอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็จะดี ช่วงแรกๆของการออกกำลังกายไม่ควรจะหยุด ให้ออกจนเป็นนิสัย บันทึกการออกกกำลังกายไว้ หาเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกันเพราะกลุ่มจะช่วยกันประคับประคอง ตั้งเป้าหมายการออกกำลังและการรับประทานทุกเดือนโดยอย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป ติดตามความก้าวหน้าโดยดูจากสมุดบันทึก ออกกำลังกายอย่างปลอดภัย ถ้าหากท่านได้เตรียมความพร้อมที่จะออกกำลังกายแล้วอยากจะฟิตร่างกายท่าน สามารถทำได้ทันที แต่หากมีอาการหรือโรคต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฟิตร่างกาย เช่น ถ้าท่านอายุมากกว่า 45ปี หรือมีโรคประจำตัวเช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ  มีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยมากมีอาการหน้ามืด

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ภูมิปัญญาไทย กับการป้องกันโรคในชุมชน


ภูมิปัญญาไทย      หมายถึง    องค์ความรู้ ความสามารถและทักษะของคนไทยอันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านมากระบวนการเรียนรู้  เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนาและถ่ายทอดสืบกันมา เพื่อใช้แก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับยุคสมัย
              ภูมิปัญญาไทย มีลักษณะเป็นองค์รวมและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม เกิดขึ้นในวิถีชีวิตไทย ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นอาจเป็นที่มาขององค์ความรู้ที่งอกงมขึ้นใหม่ที่จะช่วยในการเรียนรู้ การแก้ปัญหาการจัดการและการปรับตัวในการดำเนินวิถีชีวิตของคนไทย ลักษณะองค์รวมของภูมิปัญญามีความเด่นชัดในหลายด้าน


ลักษณะของภูมิปัญญาไทย
  • 1. ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะเป็นทั้งความรู้ ทักษะ ความเชื่อ และพฤติกรรม
  • 2. ภูมิปัญญาไทยแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
  • 3. ภูมิปัญญาไทยเป็นองค์รวมหรือกิจกรรมทุกอย่างในวิถีชีวิตของคน
  • 4. ภูมิปัญญาไทยเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา การจัดการ การปรับตัว และการเรียนรู้ เพื่อความอยู่รอดของบุคคล ชุมชน และสังคม

การแพทย์แผนไทย( Thai Traditional Medicine )
       
 หมายถึง กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา การป้องกันโรค หรือการฟื้นฟูสุขภาพ

การแพทย์แผนไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนของตัวเองได้ เช่น
1. การนวดแผนไทย เป็นภูมิปัญญาในการรักษาโรค การนวดไทยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
            1.  การนวดแบบราชสำนัก
           2.  การนวดแบบเชลยศักดิ์
การนวดไทยมีผลดีต่อสุขภาพในหลายๆด้าน เช่น การกระตุ้นระบบประสาท  และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง เป็นต้น
2. กระประคบสมุนไพร เป็นการใช้สมุนไพรในการฟื้นฟูสุขภาพโดยการนำสมุนไพรมาห่อและนำไปประคบบริเวณที่มีอาการ
     ปวดเมื่อย จะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้
3. น้ำสมุนไพร ผักพื้นบ้านและอาหารเพื่อสุขภาพ น้ำสมุนไพร และอาหารช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรงอยู่ในภาวะปกติ โดยเกิด
     จากความเฉลียวฉลาดของบรรพบุรุษ เช่น น้ำขิงช่วยในการขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
4. การทำสมาธิ สวดมนต์ และภาวนาเพื่อการรักษาโรค เป็นวิถีชีวิต และความเชื่อ จัดว่าเป็นภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยซึ่งมีผลต่อ  
     สภาพจิตใจเป็นอย่างดี เพราะการนั่งสมาธิ สวดมนต์และการภาวนาช่วยให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ และทำให้จิตใจเกิดความสงบ
5. กายบริหารแบบไทย หรือกายบริหารท่าฤาษีดัดตน เป็นภูมิปัญญาเกิดขึ้นจากการเล่าต่อๆกันมาของผู้ที่นิยมนั่งสมาธิ เมื่อปฏิบัติ     อย่างถูกต้องจะช่วยรักษาอาการปวดเมื่อย ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดี สร้างสมาธิ และผ่อนคลายความเครียดได้